หลังจากควบรวมกันไปนานพอสมควร ล่าสุด ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ "One Network" รวมโครงข่ายมือถือของทรูและดีแทคเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมครั้งใหญ่ของไทย โดยชูผลลัพธ์เด่นคือการ "Power Up" ประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าทั้งสองแบรนด์อย่างชัดเจน
โครงการ "One Network" ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่ง และทีมวิศวกรกว่า 3,650 คน คือการนำเสาสัญญาณและโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองค่ายมารวมกัน โดยคัดเลือกใช้เสาสัญญาณที่ดีที่สุดในแต่ละพื้นที่ และลดเสาที่ซ้ำซ้อนลง เพื่อสร้างเครือข่ายเดียวที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งที่ทำให้เครือข่ายใหม่นี้ทรงพลังขึ้น ไม่ใช่แค่การมีจำนวนเสาที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่คือกลยุทธ์ "Spectrum Pooling" หรือการนำคลื่นความถี่ทั้งหมดของทรูและดีแทคมาใช้งานร่วมกัน เปรียบเสมือนการขยายถนนให้กว้างขึ้นหลายเลน ทำให้ลูกค้าของทั้งสองค่ายสามารถเข้าถึงแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ส่งผลให้คุณภาพสัญญาณดีขึ้นและความเร็วสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Dynamic Spectrum Sharing (DSS) มาใช้ ทำให้สามารถจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่าง 5G และ 4G บนคลื่น 2600 MHz ได้อย่างยืดหยุ่นและเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
การรวมโครงข่ายครั้งนี้ส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการทั้งสองแบรนด์อย่างเป็นรูปธรรม
มากกว่าความเร็ว คือ ความปลอดภัยและความยั่งยืน
นอกจากการอัปเกรดประสิทธิภาพแล้ว ทรูยังชูประเด็นด้านความปลอดภัยด้วยโซลูชัน True CyberSafe ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
ในด้านความยั่งยืน การลดจำนวนเสาที่ซ้ำซ้อนและการใช้ AI บริหารจัดการพลังงาน ช่วยให้ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 15-20% ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ของบริษัท
ความสำเร็จครั้งนี้ยังการันตีด้วยรางวัลจาก nPerf ที่ยืนยันว่า True 5G เป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในไทย 9 ปีซ้อน ซึ่งเมื่อรวมกับจุดเด่นของดีแทคด้านประสบการณ์ใช้งานจริง (Quality of Experience) จะยิ่งทำให้เครือข่ายใหม่นี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
โครงการ "One Network" จึงไม่ใช่แค่การควบรวมกิจการ แต่เป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับอนาคตของวงการโทรคมนาคมไทย ที่ผู้ใช้งานทุกคนจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่นับจากนี้ไป